ราคาปกติ: 70 บาท
ขอแนะนำเมนู ม็อคค่าร้อน สำหรับ วันพักผ่อนสบาย ๆ แบบปล่อยใจชิว ๆ จากร้าน อาหาร เพื่อสุขภาพยอดนิยม โดย Kleens STATION จุดเด่น ของ กาแฟแก้วนี้ คือ การเพิ่มส่วนผสม อย่าง ช็อกโกแลต รสชาติเข้มข้น จากกาแฟ และ ความหวาน จากช็อกโกแลต ช่วยให้ม็อคค่า มีรสชาติ ที่โดดเด่น และ อร่อยอย่างลงตัว สำหรับ คนที่รักกาแฟ และ ช็อกโกแลต ต้องลอง ม็อคค่า เพราะ มันรวมทั้งสอง อย่างที่คุณรัก อยู่ในแก้วเดียว ราคาแก้วละ 70 บาท เชื่อว่า หลายคน พอได้ยินคำว่า ช็อกโกแลต อาจจะกังวล เรื่องแคลอรี่ ที่มากเกิน แต่ความลับ ของ กาแฟแก้วนี้ นั่นก็คือ แคลอรี่ ต่อแก้ว อยู่เพียง 52 Kcal สายรักสุขภาพ จะพลาด ได้ยังไง
"ม็อคค่า" ( Mocha ) เป็นเครื่องดื่มกาแฟ ที่มีส่วนผสม ของ กาแฟเอสเพรสโซ่ ( Espresso ) และ ช็อกโกแลต ( Chocolate ) รวมกันในหนึ่งแก้ว คำว่า "ม็อคค่า" มาจากชื่อเมือง อัลมาคา ( al-Makha ) หรือ เมืองม็อคค่า (Mocha) ในเยเมน ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง ทะเลแดง ซึ่งเป็น สถานที่ ที่ผลิตกาแฟม็อคค่า ครั้งแรก ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ถึงต้น ศตวรรษที่ 18 ในช่วงเวลานั้น กาแฟอาราบิก้า ที่ปลูกบนภูเขา ทางตอนกลาง ของ เยเมน ได้รับ การตั้งชื่อ ตามท่าเรือ และ ถูกขายเป็น 'กาแฟม็อคค่า' ในช่วง ศตวรรษที่ 17 เมล็ดกาแฟ ม็อคค่า เป็นที่นิยม ในหมู่คอกาแฟ มาก ด้วยลักษณะ ที่โดดเด่น มีสีเขียวอมเหลือง ในขณะ ที่อาราบิก้า จากประเทศอื่น จะมีสีน้ำตาลและแบน หากพูดถึง รสชาติ และ กลิ่นสัมผัส จะให้ความรู้สึก นุ่มนวล และ หนักแน่น มากกว่า กาแฟ ที่ชาวยุโรป คุ้นเคย เพราะ เหตุนี้เอง จึงทำให้ เมล็ดกาแฟม็อคค่า ได้รับ ความนิยม เป็นอย่างมาก ในขณะนั้น
ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องดื่ม ม็อคค่า มีแรงบันดาลใจ และ ต้นฉบับ มาจากกาแฟสไตล์ อิตาเลียน ที่ชื่อ Bicerin ซึ่งมี ความหมาย ว่า ถ้วยใบเล็ก เมนู Bicerin มีมาก่อน ม็อคค่า กว่า 200 ปี นิยมดื่ม ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีองค์ประกอบ สำคัญ 3 อย่าง คือ เอสเพรซโซ่ นม หรือ ครีม และ ช็อกโกแลต หรือ โกโก้ มักถูกเสิร์ฟ มาแบบแยกชั้น ก่อนจะมี การประยุกต์ เมนูดังกล่าว ให้กลายมาเป็น กาแฟม็อคคา ที่มีส่วนผสม ในแบบเดียวกัน สิ่งที่ ทำให้กาแฟ ม็อคค่า แตกต่าง จาก Bicerin นั่น คือ การผสมส่วน ประกอบ ให้เข้ากัน ก่อนจะนำมาเสิร์ฟ
1. ประโยชน์ สำหรับ ระบบการย่อยอาหาร
กาแฟ มีส่วนช่วย ในการกระตุ้น การทำงาน ของ กระเพาะอาหาร และ ระบบลำไส้ ทำให้ การย่อย เป็นไปได้ด้วยดี
2. ลดความเสี่ยงเบาหวาน ระยะที่ 2
จากการศึกษา ของ ภาคการเกษตรและเคมีอาหารของสหรัฐอเมริกา พบว่า คนที่ดื่มกาแฟบ่อย ๆ ความเสี่ยงจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะลดลงประมาณ 50 เปอร์เซนต์ เนื่องจากคาเฟอีนมีคุณสมบัติที่ช่วยยับยั้ง hIAPP และโพลีเปปไทด์ (Polypeptide) ซึ่งเป็นตัวการก่อให้เกิดโปรตีนผิดปกติ เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
3. การกระตุ้นสมอง
กาแฟมีสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้น ที่ช่วยให้สมองตื่นตัว ทำให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้ดี และลดความเสี่ยงการเกิดโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย
ยังไม่มีคะแนน