Hot Capucino คาปูชิโน่ร้อน คิดสิ คิดถึงคาปูชิโน่ร้อน

หาเครื่องดื่ม เตรียมพร้อม รับเช้าวันใหม่อยู่ หรือเปล่า ขอแนะนำ คาปูชิโน่ร้อน จากร้านอาหาร เพื่อสุขภาพ ยอดนิยม โดย Kleens STATION กาแฟ ที่มีส่วน ประกอบ สามอย่าง ระหว่างนมร้อน และ เอสเพรสโซ่ ด้วยอัตราส่วน ที่เท่ากัน และ เติมฟองนม ผสมผสาน อย่างลงตัว ให้รสชาติ ที่ละมุน ดื่มง่าย แต่ก็ยังคง ความเข้มข้น ของ กาแฟไว้ ความพิเศษ อีกอย่าง ของ เมนู คาปูชิโน่ร้อนนั้นก็ คือ จะบนกาแฟแก้วนี้ จะท็อป ด้วยครีมฟอง ทำให้ดู น่าทาน ยิ่งขึ้น ราคา แก้วละ 70 บาท ลืมเรื่อง น้ำหนักขึ้นไป ได้เลย เพราะ แก้วนี้ แคลอรี่ เพียงแค่ 35 Kcal เท่านั้น ไม่แวะ มาลอง ไม่ได้แล้วนะ

คาปูชิโน่ คือ อะไร?

คาปูชิโน่ เริ่มเข้ามา ในยุโรป และ อเมริกา เมื่อปี 1980 ซึ่งมี ต้นกำเนิด ในประเทศอิตาลี แต่กาแฟ โดยส่วนมาก จากยุโรป และ อเมริกานั้น จะตั้งชื่อ ตามการแปล ตามตัวอักษร หมายถึง วิธีการทำ หรือ ส่วนประกอบ ของ การทำกาแฟ แต่คาปูชิโน จะมีความแตกต่าง เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่า สีของเอสเปรสโซ และ ฟองนม นั้นดีมาก ตั้งแต่นั้นมาเครื่องดื่มนี้ จึงได้รับ การขนานนาม ว่า "คาปูชิโน่" นั่นเอง

ความแตกต่าง ระหว่างคาปูชิโน และ ลาเต้

เชื่อว่า หลายคน สับสนไม่น้อย กับ กาแฟทั้งสอง ประเภท เพราะ กาแฟสองประเภทนี้ เป็นกาแฟฟองนม เพียงแต่ กาแฟลาเต้ จะใส่นม มากกว่า กาแฟคาปูชิโน นอกจากนี้ ในสถาน ที่หลายแห่งจะเสิร์ฟ คาปูชิโนโรย ด้วยช็อกโกแลต ด้านบน สุดท้าย ความหวาน และ ความเข้มข้น ของรสชาติ ย่อมขึ้นอยู่ กับ สัดส่วน และ ปริมาณ ที่ใช้ ในการทำเครื่องดื่ม ทั้งสอง ชนิดนี้

ประโยชน์ ของ คาปูชิโน่

1. ป้องกัน โรคเกี่ยวกับสมอง

การดื่มกาแฟ อาจช่วยลด ความเสี่ยง ต่อ โรคอัลไซเมอร์ ( Alzheimer's disease ) และ โรคพาร์กินสัน ( Parkinson's disease ) แนะนำ สำหรับผู้ที่เข้าสู่ ช่วงวัย กลางคน ควรดื่ม กาแฟ 4 – 5 แก้วต่อวัน เพื่อเพิ่ม ระดับฮอร์โมน GCSF ซึ่งเป็นสาร ที่ช่วยลด ความเสี่ยง เป็น โรคอัลไซเมอร์

2. มีสารต้าน อนุมูลอิสระ ( Antioxidants )

กาแฟ เป็นแหล่ง ของ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยในการป้องกัน ความเสียหาย จากการเสื่อม สภาพ ของเซลล์ ในร่างกาย ลดความเสี่ยง ต่อ การเกิดมะเร็ง และ โรคอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง เป็นต้น

3. ลดความเสี่ยง เบาหวาน ระยะที่ 2  

จากการศึกษา ของ ภาคการเกษตร และ เคมีอาหาร ของ สหรัฐอเมริกา พบว่า คนที่ดื่มกาแฟบ่อย ๆ ความเสี่ยง จากโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 จะลดลงประมาณ 50 เปอร์เซนต์ เนื่องจาก คาเฟอีน มีคุณสมบัติ ที่ช่วย ยับยั้ง hIAPP และโ พลีเปปไทด์ ( Polypeptide ) ซึ่งเป็นตัวการ ก่อให้เกิด โปรตีน ผิดปกติ เป็น สาเหตุของโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 

4. ลดความเสี่ยง เรื่องโรคหัวใจ

มีหลักฐานว่า การดื่มกาแฟ อาจเกี่ยวข้อง กับ การลดความเสี่ยง ต่อ โรคหัวใจ โดย ลดความเสี่ยง ต่อ การเกิดหลอดเลือด หัวใจอุดตัน และ การเป็นโรคหัวใจ